เมอเซเดส-เบนซ์ จีแอลซี-คลาส

ภาพรวม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ค่ายรถสัญชาติเยอรมัน ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในฐานะผู้นำการผลิตยนตรกรรมชั้นเลิศ ล่าสุด ได้แนะนำรถยนต์หรูระดับมาสเตอร์พีซอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คลาส (Mercedes-Benz GLC Class) ซึ่งได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2008 ในงานมอเตอร์โชว์ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และทำยอดขายได้ถึงสองล้านคันทั่วโลกนับตั้งแต่เปิดตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตา ภายในที่ตกแต่งอย่างประณีตบรรจง รวมถึงสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดและการออกแบบโครงสร้างด้านข้างตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยมีให้เลือกถึง 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น GLC 220d 4Matic รุ่น GLC 250d 4Matic รุ่น GLC 220 4Matic และรุ่น GLC 350e 4Matic ขณะที่รุ่น GLC 220d ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2143 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และมีดีไซน์ที่หรูหราทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัย เช่น ระบบเบรก ABS และ EBD ระบบ Adaptive braking system ตัวช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางในที่อับสายตาและขณะเปลี่ยนเลน รวมถึงระบบแจ้งเตือนการชนจากด้านหน้าและอื่นๆ อีกมากมาย

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คลาส ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความหรูหรา ความคล่องตัวและความสะดวกสบาย รวมถึงมีอัตราสิ้นเปลืองชื้นเพลิงที่ยอดเยี่ยม โดยเครื่องยนต์แบบแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2143 ซีซี ในรุ่น 220d 4MATIV มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 5.5-5.0 ลิตร/100 กิโลเมตร ขณะที่รุ่นปลักอินอย่าง 350e 4MATIC มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 2.6 ลิตร/100 กิโลเมตร

ขุมพลัง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คลาส ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC รุ่น GLC 220d ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร รุ่น 250d ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน GLC 250 4MATIC ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า และรุ่นไฮบริด GLC 350e ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร

อัตราเร่ง

เครื่องยนต์ที่พละกำลังสูงให้ความเร้าใจทุกครั้งที่แตะคันเร่ง เครื่องยนต์ผสานการทำงานกับระบบส่งกำลัง 9G Tronic แบบอัตโนมัติ 9 สปีด ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงของรุ่น GLC 250d อยู่ที่ 7.6 วินาที ขณะที่อัตราเร่งของรุ่นไฮบริดอย่าง GLC 350e อยู่ที่ 5.9 วินาที

ภายนอก

รูปลักษณ์ภายนอกสะท้อนบุคลิกทรงอำนาจ ความแข็งแกร่ง และสวยงามพร้อมสะกดทุกสายตาตลอดทุกเส้นทาง ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบสามมิติล้อมรอบด้วยขอบโครเมียมดีไซน์สวยงาม ขนาดข้างด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ล้ำ และกันชนให้อารมณ์สปอร์ต พร้อมแผ่นกันกระแทกด้านล่างกันชมช่วยเสริมสมรรถนะในการขับขี่บนทุกสภาพถนน โดยเฉพาะบนเส้นทางออฟโรด ด้านข้างตัวรถยังให้อารมณ์สปอร์ตด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ท้ายรถดูบึกบัน เสริมความมีสไตล์ด้วยไฟท้ายแบบ LED ซึ่งสะท้อนถึงนิยามแห่งการออกแบบตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส

ขนาดและมิติภายนอก

ตัวถังมีความยาว 4656 มิลลิเมตร กว้าง 1890 มิลลิเมตร และสูง 1639 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2873 มิลลิเมตร ช่วยเสริมความสามารถในการทรงตัวรถที่มีขนาดค่อนข้างยาวให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย

ภายใน

จีแอลซี คลาส พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สุดแสนหรูหรา สะดวกสบายที่สุดตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณก้าวเข้าไปในห้องโดยสารขนาดใหญ่ ด้วยวัสดุที่ใช้ตกแต่งระดับพรีเมียม เช่น เบาะหนังจาก Nappa การออกแบบแดชบอร์ดภายในรถจะทำให้คุณตาค้าง ด้วยเส้นสายที่ตกแต่งอย่างสวยงามรอบแผงคอนโซลและช่องแอร์ ซึ่งเป็นอีกคุณสมบัติสุดพิเศษที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในโลกยานยนต์ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน หุ้มด้วยหนัง จอทัชสกรีนขนาดใหญ่พร้อมระบบนำทาง ปุ่มควบคุมต่างๆ สุดล้ำบนแผงควบคุมและแผงประตูซึ่งตกแต่งด้วยลายไม้ ช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูมีระดับมากขึ้น

สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายในของเมอร์เซเดส ได้จัดให้การโดยสาร จีแอลซี คลาส เป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมการออกแบบที่ลงตัวสวยงามจนตาค้าง ระบบการทำงานต่างๆ ภายในได้รับการออกแบบมาโดยพิเศษให้รองรับการควบคุมด้วยระบบสัญญาณมือ แผงคอนโซลกลางติดตั้งจอแสดงผลขนาดใหญ่ พร้อมระบบเครื่องเสียง Audio 20 CD ดูแลผู้โดยสารตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ Thermatic และระบบส่องสว่างภายในให้ความรู้สึกอบอุ่น

ขนาดและมิติภายใน

เมอร์เซเดสได้ออกแบบให้เอสยูวีรุ่นนี้สามารถมอบความสะดวกสบายผ่านห้องโดยสารขนาดใหญ่ ผู้โดยสารเบาะหลังมีพื้นที่เหนือศรีษะและพื้นที่วางขาที่กว้างขวางเพียงพอ และบริเวณท้ายรถได้รับการออกแบบให้มีความยาวขึ้น ขณะที่การออกแบบอย่างชาญฉลาดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจุได้ถึง 450 ลิตร เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล

เครื่องยนต์และประสิทธิภาพ

รุ่น GLC 250d มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2143 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1600-1800 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 9 สปีด 9G Tronic ทำอัตราเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 7.6 วินาที

ระบบเครื่องเสียงและอุปกรณ์เสริม

ห้องโดยสารที่สวยงาม มาพร้อมระบบสเตอริโอไฮคลาส ให้ความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง อย่างระบบ Audio 20 CD พร้อมลำโพง 8 ตัว พร้อมมอบประสบการณ์เสียงแบบโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีโหมด COMMAND ONLINE พร้อมระบบนำทางและการเชื่อมต่ออินเทอร์เนต และจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว

ล้อ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คลาส เคลื่อนที่บนล้อแข็งแรงและมีความคล่องตัวสูง ให้คุณสัมผัสความนุ่มนวลในการขับขี่บนทุกสภาพถนน มาพร้อมล้ออัลลอยไซส์ 7-20 นิ้ว และยางขนาด 235/65 R17 to R20

ระบบเบรกและควบคุม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คลาส ได้รับการขนานนามว่าเป็นเอสยูวีพันธ์แกร่ง และได้รับการพัฒนามาเพื่อรองรับการขับขี่แม้บนสภาพถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ด้วยระบบการขับเคลื่อนแบบออฟโรด รองรับการใช้งานรถบนถนนที่มีทราย กรวด ก้อนหิน หรือบนทางลาดชัน มาพร้อมระบบกันสะเทือน AGILITY CONTROL ที่มีความโดดเด่นด้วยทางเลือกของระบบควบคุมแรงหน่วง เบรกหน้าแบบดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายอากาศ ขณะเบรกหลังเป็นแบบตัน เสริมประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิกส์ และเทคโนโลยีช่วยเบรก BA เป็นต้น

ความปลอดภัย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คลาส อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ทำหน้าที่เป็นรังไหมปกป้องผู้โดยสารจากอันตราย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Adaptive Braking System ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนเลน แป้นเหยียบตอบสนองต่อแรงปะทะ ระบบเตือนการชนจากด้านหน้า ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิกส์ รวมถึงถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า

ข้อดี

1) การออกแบบที่ทันสมัยและคล่องตัว
2) ภายในห้องโดยสารหรูหรามาก

ข้อเสีย

1) อยู่ในเซกเมนท์ที่มีการแข่งขันสูง
2) ราคาค่อนข้างสูง