โตโยต้า Hilux Vigo Champ Double Cab

ภาพรวม

โตโยต้าไฮลักซ์เป็นรถกระบะรถบรรทุกระดับแถวหน้าขนาดกะทัดรัดซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 ไฮลักซ์ถอดรูปแบบของความหรูหราระดับบนที่มีลักษณะภายในกระบะเหมือนรถเก๋ง แต่ยังคงรูปแบบของความเป็นชายและความแข็งแกร่ง ทั้งนี้โตโยต้าไฮลักซ์ยังคงเป็นผู้นำที่ได้รับชื่อเสียงและน่าเชื่อถืออยู่มาก ทั้งยังได้รับการยอมรับตลอดมาเรื่องของการบรรทุกงานหนักหรือความแกร่งเกินจริงจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "รถกระบะนักสู้"

ปัจจุบันในตลาดเมืองไทยนั้นมีโตโยต้าไฮลักซ์ทั้งหมดสามรุ่น ได้แก่ไฮลักซ์วีโก้แค็บมาตรฐาน ไฮลักซ์วีโก้สมาร์ทแค็บและไฮลักซ์วีโก้ดับเบิ้ลแค็บ ทั้งสามรุ่นมีความแตกต่างต่างกันทั้งอุปกรณ์เกียร์และเครื่องยนต์ ไฮลักซ์วีโก้แค็บมาตรฐานนั้นมีจำหน่ายเฉพาะเกียร์ธรรมดาทั้งแบบเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร (สามารถติดตั้งระบบใช้ก๊าซซีเอ็นจีได้) นอกจานั้นยังให้พลังสูงสุดได้ตั้งแต่ 120 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ไปจนถึง 160 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร นอกจากนี้ยังสามารถวัดแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและ 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน

โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้สมาร์ทแค็บน่าจะเป็นรุ่นที่มีความหลากหลายมากที่สุดถึง 17 รุ่นย่อย ซึ่งรุ่นย่อยเหล่านี้ (ตั้งแต่รุ่นท็อปไปจนถึงพรีรันเนอร์ 2.5E ABS TRD สปอร์ติโว่) นั้นมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ที่สามารถส่งพลังสูงสุดได้ตั้งแต่ 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับรุ่นย่อย จนไปถึง 171 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ในขณะที่วัดแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที ไปจนถึง 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที

โตโยต้าไฮลักซ์ดับเบิ้ลแค็บนั้นมีมากถึง 17 รุ่นย่อยเช่นกัน โดยมีตัวเลือกเป็นเกียร์อัตโนมัติให้เลือกหลากหลายมากกว่ารุ่นสมาร์ทแค็บ โดยแบ่งตามความสนใจของผู้ขับขี่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ที่สามารถให้พลังสูงสุดได้ตั้งแต่ 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ไปจนถึง 171 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที สำหรับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร สามารถวัดแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที ไปจนถึง 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที

ระยะไมล์และความประหยัดน้ำมัน

สำหรับการบรรทุกของหนักในทุกสมรรถนะ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้สามารถช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี โดยเฉพาะรุ่นวีเอ็น เทอร์โบ คูลเลอร์ (VN Turbo Cooler) ในเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร และ รุ่น VVT-I เทคโนโลยี เครื่องยนต์เบนซิน ในเครื่องยนต์เบนซินนั้นจะมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 9.8 กม./ลิตร และสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร ใช้น้ำมันสูงสุดเพียง 12.1 กม./ลิตรเท่านั้น

กำลังเครื่องยนต์

กำลังจากทั้ง 39 รุ่นนี้กำเนิดจากเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ล 16 สูบ อย่าง 2KD -FTV (VNT) 2KD-FTV (I / C) และ 2TR-FE เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นท็อปทุกรุ่นใช้เทคโนโลยีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ส่วนเครื่องยนต์เบนซินใช้เทคโนโลยี VVT-I ร่วมด้วยด้วยเหตุนี้ทำให้ไฮลักซ์ วีโก้แค๊บมาตรฐานสามารถให้พลังสูงสุดได้ตั้งแต่ 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ไปจนถึง 160 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร นอกจากนี้ยังสามารถวัดแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องดีเซลและ 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องเบนซิล ส่วนไฮลักซ์วีโก้ดับเบิ้ลแค็บและสมาร์ทแค็บนั้นสามารถให้พลังสูงสุดได้ตั้งแต่ 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ไปจนถึง 171 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร และสามารถวัดแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที ไปจนถึง 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที

อัตราเร่ง

การเร่งความเร็วนั้นเกิดจากพลังงานโดยตรงของเครื่องยนต์ (สร้างจากเทอร์โบคูลเลอร์ตัวท๊อป) เช่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรสำหรับเกียร์ธรรมดา สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 13.7 วินาทีที่ความเร็วสูงสุด 171 กม./ ชม สำหรับเกียร์ธรรมดารุ่น 3.0 ลิตร สามารถเร่งความเร็ว 100 กม./ชม. ภายในเวลา 12.1 วินาทีและมีความเร็วสูงสุด 171 กม. / ชม

รูปลักษณ์ภายนอก

ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าโตโยต้าไฮลักซ์วีโก้นั้นมีความดุดันราวสัตว์ป่าเมื่อคุณได้ลองขับ การออกแบบภายนอกทั้งสง่างามสมฐานะรถกระบะ พร้อมอุปกรณ์ครบครันทั้งกันชนโครเมียม/สปอร์ติโว่ กระจังหน้าโครเมี่ยม เทอร์โบสกูป ไฟหน้าตัดแสงสะท้อนแบบมัลติ ไฟตัดหมอก กระจกไฟฟ้ามองข้างชุบโครเมี่ยม สัญญาณด้านข้าง มือจับประตูโครเมี่ยม ทีปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา บังโคลนหน้าหลัง รวมทั้งลักษณะและโครงสร้างต่างๆตามกลไกทางแอร์ไดนามิค โดยลักษณะเหล่านี้ส่วนใหญมีเฉพาะในรุ่นท็อป รุ่นสมาร์ทแค็บและรุ่นดับเบิลแค็บเท่านั้น ส่วนในรุ่นแค็บมาตรฐานนั้น อุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่มีรองรับ

ขนาดรูปลักษณ์ภายนอก

ขนาดโดยรวมของรถโตโยต้าไฮลักซ์ทุกรุ่นจะเหมือนกันคือ 5135 มม. x 1760 มม. x 1680 มม. (ยาว x กว้าง x สูง) ด้วยระยะฐานล้อขนาดใหญ่วัดได้ที่ 3085 มม. ซึ่งสามารถเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้ผู้โดยสาร ทั้งยังสามารถบรรทุกความจุขั้นต่ำได้ 181 มม.

การออกแบบภายใน

การตกแต่งภายในหรูหราของโตโยต้าไฮลักซ์มีความเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในทุกระดับ โดยเฉพาะตั้งแต่รุ่นท็อปไปจนถึงรุ่นดับเบิ้ลแค็บและสมาร์แค็บพรีรันเนอร์ และรุ่นสปอร์ติโว่ การตกแต่งภายในด้วยสีดำ/หรือสีเทานั้นขึ้นอยู่กับรุ่น อย่างไรก็ดีคุณสมบัติต่างๆเช่น การวัดรอบต่อนาที วัดระยะทางดิจิตอล มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง ไฟแผนที่ที่นั่งด้านหน้า กระจกป้องกันแสงสะท้อนอัตโนมัติช่วงหลัง เสาอากาศพับเก็บได้ ระบบปรับอากาศ จะมีในรุ่นย่อยทุกรุ่น นอกจากนี้ผู้ซื้อจะที่ได้รับสิทธิพิเศษที่มีทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น เช่น พวงมาลัยโลหะพร้อมหุ้มหนัง ที่นั่งพร้อมหมอนรอง (เบาะหนังสำหรับรุ่นสปอร์ติโว่)

การตกแต่งภายใน

เพื่อความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสารได้ตกแต่งหน้าต่างด้วยระบบไฟฟ้าที่มีการป้องกันการติดขัด (ด้านคนขับเท่านั้น) ที่นั่งด้านหลังสามารถพับเก็บได้ 60:40 โดยในรุ่นท๊อปที่นั่งด้านคนขับจะสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ทั้งยังเพิ่มคุณสมบัติความสะดวกสบายด้วยที่วางเท้า พร้อมที่วางแก้ว 2 จุด ที่วางขวดเก็บของข้างประตู และที่บังแสงอาทิตย์หน้ารถในทุกรุ่นของโตโยต้าไฮลักซ์วีโก้

ขนาดรูปลักษณ์การตกแต่งภายใน

ภายในจะมีขนาดที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ด้วยมาตรฐาน 2 ประตูแบบไฮลักซ์สปอร์ตที่ขนาด 1340 มม. x 1475 มม. x 1190 มม. (ยาว x กว้าง x สูง) ความยาวสูงสุดเป็น 1840 มม. สำหรับรุ่น 4 ประตู นอกจากนี้ยังมีที่วางขาและที่วางเหนือศรีษะเพื่อรองรับผู้โดยสารให้นั่งอย่างสะดวกสบายแม้ต้องเดินทางไกล

สมรรถนะเครื่องยนต์

ความจุและสมรรถนะเครื่องยนต์เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้โตโยต้าไฮลักซ์ได้รับชื่อเสียงถึงประสิทธิภาพการทำงานเหนือความคาดหมายถึงแม้ได้ผ่านการใช้งานมายาวนาน สำหรับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลนั้นจะสามารถใช้ตัวถังควบคุมได้ทั้งแบบออโต้และแบบธรรมดาทั้ง 2.5 ลิตร 2.7 ลิตรและเบนซิน 3.0 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซลนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์เพื่อให้มีพาวเวอร์และประสิทธิภาพในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น สำหรับเครื่องยนต์เบนซินทางโตโยต้าได้ใช้เทคโนโลยี VVT-I ในตัวเครื่อง ดังรายละเอียดต่อไปนี้

•ไฮลักซ์วีโก้แค็บมาตรฐาน – ปล่อยพลังงานสูงสุด – ตั้งแต่ 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร จนถึง160 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร

แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ - 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล และ 241 นิวตันเมตรที่ 3800 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน •ไฮลักซ์วีโก้ดับเบิ้ลแค็บและสมาร์ทแค็บ - ปล่อยพลังงานสูงสุด - ตั้งแต่ 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร จนถึง 171 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาทีสำหรับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรในทุกรุ่น

แรงบิดสูงสุด - 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที 343 นิวตันเมตรที่ 1,600 - 2,800 รอบต่อนาที

ขนาดล้อ

ไฮลักซ์วีโก้แต่งขอบล้อแตกต่างกันไปตั้งแต่ 15 นิ้วถึง 17 นิ้วขึ้นอยู่กับรุ่นรถ โดยสำหรับรุ่น TRD รุ่นทีอาร์ดี สปอร์ติโว่ นั้นจะเป็นขอบโลหะผสม ขนาดล้อยาง 15 นิ้ว อยู่ที่ 205/70 R15 และขนาดล้อยาง 16 นิ้ว อยู่ที่ 215/70 R16 ขณะที่ขอบอัลลอย 17 นิ้วในรุ่นทีอาร์ดี สปอร์ติโว่ ขนาดยางจะเป็น 265/65 R17  

เครื่องเสียงและอุปกรณ์เสริม

รุ่นท๊อปจากรุ่นทีอาร์ดี สปอร์ติโว่ -AT และพรีรันเนอร์ 3.0G มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่อยุ่กลางแผงหน้าปัด ยังมีลักษณะตามมาตรฐานอื่นๆได้แก่ เครื่องเล่นแผ่น CD / DVD MP3 / WMA พร้อมพอร์ต USB พอร์ต AUX ลำโพง 4-6 ตัว และบลูทูธ นอกจากนี้ในรุ่นพรีรันเนอร์ 3.0 G ยังมีระบบนำทางและระบบสั่งงานด้วยเสียงในรถยนต์

ระบบเบรกและการดูแล

โตโยต้าไฮลักซ์จะไม่ได้รับการขนานนามว่า "กระบะยอดนักสู้" อย่างไม่มีเหตุผลหรือไม่มีที่มาอย่างแน่นอน ด้วยตัวถังอิสระปีกนกคู่ที่ช่วยกันสะเทือน ครีบระบายความร้อนที่จานเบรกด้านหน้า พร้อมทั้งดรัมเบรคระบบซูปเปอร์ LSPV เหล่านี้จะช่วยในการควบคุมเบรคล้อหลัง เพื่อให้ครอบครัวของไฮลักซ์ได้มั่นใจถึงการประสิทธิภาพการควบคุมในขณะขับรถได้เป็นอย่างดี

ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย
มาตรฐานความปลอดภัยที่โตโยต้ามีอยู่รอบด้าน มีทั้งกระจกลามิเนตหน้ารถ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ระบบพวงมาลัย (พวงมาลัยจะยุบตัวเองในกรณีที่มีการชนประสานงาซึ่งแรงกว่าการชน) ระบบกันผ้าเบรกจม ระบบปิดวาล์วตัดน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ เป็นต้น นอกจากนี้โตโยต้ายังมีตัวถังนิรภัย GOA เป็นโครงสร้างนิรภัยห้องโดยสารเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด มีการติดตั้งระบบป้องกันการล็อคเบรก ไฟตัดหมอกหน้าต่างหลัง กล้องมองหลัง และระบบไฟสูงเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารร่วมทาง

ข้อดี

•โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งทนทาน
•สมรรถนะของเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม
•คุณสมบัติของห้องโดยสารภายในและการออกแบบถายนอก

ข้อสังเกต

•ในรุ่นแค็บมาตรฐานขาดคุณสมบัติระดับไฮเอนด์ในรุ่นดับเบิ้ลแค็บและสมาร์ทแค็บไปหลายอย่าง