มาสด้า บีที-50 โปร สแตนดาร์ด แค็ป

ภาพรวม

ค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นอย่างมาสด้า เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการพัฒนารถที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความแกร่งและการใช้งาน รวมถึงราคาที่จับต้องได้ ทำให้มาสด้ามีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในตลาดรถยนต์ แบรนด์มาสด้าก่อตั้งขึ้นในปี 1920 โดยคำว่า มาสด้า (Mazda) มีหมายถึงเกี่ยวข้องกับศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroaster) ซึ่งมี Ahura Mazda เป็นผู้สร้างและเทพเจ้า โดยผลิตยนต์คันแรกเป็นรถกระบะ 3 ล้อ ตั้งแต่ปี 1979 ถึงปี 2010 มาสด้าได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปานี และเริ่มผลิตรถยนต์หลายรุ่นในหลายเซกเมนต์ ในปี 2006 มาสด้าเริ่มผลิตรถกระบะขนาดกลางอย่าง บีที-5 โปร ซึ่งมีรุ่นให้เลือกหลากหลายรุ่นมากกว่ารุ่นก่อนหน้า ประกอบด้วยรุ่น Standard Cab รุ่น Free Style Cab และรุ่น Double Cab สำหรับมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยและเครื่องยนต์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เครื่องยนต์มีให้เลือกสองขนาด รุ่น 2.2 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล DOHC 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,600-1,700 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่น 2.5 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ ระบบขุมกำลังทำงานควบคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 6 จังหวะ ให้การขับขี่สนุกสนานขึ้น มาพร้อมการออกแบบที่ดูแกร่งและมั่นคง บวกกับความคล่องตัวและดีไซน์สปอร์ต ทำให้รถยนต์มาสด้าดูมีความทนทานเหนือคู่แข่ง ตัวรถด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้า ไฟหน้าแบบฮาโลเจนและไฟตัดหมอกทรงกลม สะท้อนถึงความกลมกลืนระหว่างความสวยงามและความสปอร์ต ขณะที่มาสด้าได้ยกระดับความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารด้วยการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเบาะที่นั่งแบบปรับได้ 4 ทิศทาง จอแสดงผลแบบ Multi-Information ระบบอินโฟเทนเมนท์ และการจัดวางที่นั่งที่สะดวกสบาย ขณะที่อุปกรณ์ความปลอดภัยที่จัดมา ทำให้มาสด้า บีที-50 โปร เป็นรถออฟโรดที่ปลอดภัยขนานแท้

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

มาสด้า บีที-50 โปร มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุด มีให้เลือกทั้งประเภทเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร อัตราการบริโภคน้ำมันแบบเฉลี่ยรวมในรุ่น 2.2 ลิตร อยู่ที่ 13.15 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่รุ่น 2.5 ลิตร มีอัตราการบริโภคน้ำมันในระดับใกล้เคียงกันที่ 12 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจทั้ง 2 รุ่น

ขุมพลัง

มาสด้า บีที-50 โปร มาพร้อมเครื่องยนต์สองขนาด รุ่น 2.2 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล DOHC 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,600-1,700 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่น 2.5 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ

อัตราเร่ง

รุ่น 2.5 ลิตร ทำอัตราเร่งในความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 10.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 171 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ภายนอก

ดุดัน มีระดับและประสิทธิภาพ สะท้อนถึงความเป็น มาสด้า บีที-50 โปร ซึ่งมาพร้อมกับกระจังหน้าโฉมใหม่ พร้อมติดตั้งโลโก้มาสด้าที่กึ่งกลาง ไฟหน้าแบบฮาโลเจนดีไซน์ใหม่และไฟตัดหมอกในเฟรมทรงกลมใต้กระจัง ฝากระโปรงหน้าช่วยเสริมให้รถรุ่นนี้ดูสวยขึ้น จากด้านข้าง จะพบมือจับประตูในกรอบสีดำ และกระจกมองข้างโครเมียมในสีทูโทนพร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวในตัว ไฟท้ายและกันชนตกแต่งแบบโครเมียม และแผ่นกันโคลนสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของมาสด้า บีที-50 โปร นอกจากนี้ยังมีเสาอากาศแบบครีบฉลาม และไฟเบรคเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัย กระจกบังลมมาพร้อมกับทีปัดน้ำฝนอัตโนมัติแบบ Intermittent เพื่อเพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ และระบบระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ รวมถึงพื้นที่กระบะขยายให้สูงขึ้น กว้างขึ้นและยาวขึ้น ให้ขนของได้ในปริมาณมากขึ้น

ขนาดและมิติภายนอก

มาสด้า บีที-50 โปร รุ่นล่าสุด ได้รับการแปลงโฉมให้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ แต่ยังเพิ่มพื้นที่ขนของให้มากขึ้น โครงสร้างโดยรวมของรถมีความยาว 5,227 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร และสูง 1,703 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,220 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 201 มิลลิเมตร

ภายใน

ภายใน บีที-50 โปร มีการตกแต่งและดีไซน์ที่แตกต่างจากรถกระบะทั่วไปในคลาสเดียวกัน เบาะนั่งตกแต่งสวยงาม แสดงถึงความหรูหรามีระดับ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันติดตั้งปุ่มควบคุมระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ ตัวถังที่ขยายใหญ่ขึ้นให้พื้นที่เก็บภายในห้องโดยสารและพื้นที่ขนของที่มากขึ้นตามไปด้วย พื้นที่วางขาที่กว้างขึ้นช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบาย และสามารถปรับระดับพวงมาลัยได้เหมาะสมทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายและสนุกไปกับการขับขี่รถกระบะ เบาะที่นั่งปรับได้ 4 ทิศทางช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้นเมื่อเดินทางไกล จอแสดงผลอเนกประสงค์บนแผงมาตรวัด สำหรับแสดงข้อมูลสำคัญๆ อย่าง ความเร็ว หรือ อัตราการบริโภคน้ำมัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีที่บังแดด ถาดวางของแบบเลื่อน คอนโซลบริเวณที่วางท้าวพร้อมถังอเนกประสงค์

สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน

มาสด้า บีที-50 โปร มาพร้อมเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก เทียบเท่ากับรถยนต์นั่งขนาดกลาง มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone เบาะผ้านุ่ม พร้อมติดตั้งจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ไว้ที่บริเวณด้านหน้า พื้นที่เหนือศรีษะกว้างขวาง ขณะที่มีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอสำหรับยืดแขนผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางได้อย่างสบาย มาสด้า บีที-50 โปร ไม่เป็นรองใครในเรื่องของความบันเทิง มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน รองรับการใช้งานวิทยุ เครื่องเล่นแผ่นซีดีและ MP3 ภายในรถเต็มไปด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระ รวมทั้งกล่องเก็บสัมภาระแบบถอดแยกได้บริเวณคอนโซลกลาง รวมถึงกล่องเก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่

ขนาดและมิติภายใน

บีที-5 โปร มาพร้อมพื้นที่กระบะขนาดใหญ่ ให้คุณสามารถขนของได้มากขึ้น รวมถึงพื้นที่ขนถ่ายที่กว้างขึ้นสำหรับของขนาดใหญ่ ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระที่มีจำนวนมากให้คุณจัดเก็บสัมภาระของคุณอย่างเป็นระเบียบ สะดวกสบายในการหยิบใช้

เครื่องยนต์และประสิทธิภาพ

มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีชั้นนำและเครื่องยนต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ เครื่องยนต์มีให้เลือกสองขนาด รุ่น 2.2 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล DOHC 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,600-1,700 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่น 2.5 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ ระบบขุมกำลังทำงานควบคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 6 จังหวะ

ระบบเครื่องเสียงและอุปกรณ์เสริม

กระบะดีไซน์ สปอร์ต จากมาสด้า มาพร้อมกับระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ ที่จะทำให้คุณสนุกกับทุกการเดินทางด้วยเพลงโปรดของคุณ ด้วยเครื่องเสียงที่รองรับการใช้งานทั้งระบบ AM/FM หรือเครื่องเล่นซีดีที่มาพร้อมกับโหมดปรับลดเสียงอัตโนมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพงคุณภาพสูง ที่จะมอบประสบการณ์ระดับคอนเสิร์ตภายในห้องโดยสาร ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ AUX-in กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ รวมถึงการสั่งงานด้วยเสียงผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ

ล้อ

ทีมวิศวกรมาสด้าได้เพิ่มความแกร่งและความสปอร์ตให้กับ บีที-50 โปร ด้วยการติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมกับยางขนาด 215/70 R16

ระบบเบรกและควบคุม

นอกจากการขับขี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความมั่นคงในการเกาะถนนทุกรูปแบบแล้ว บีที-50 โปร ยังมีคุณสมบัติในการตอบสนองที่ดีเยี่ยม ระบบเบรกถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการควบคุมรถได้เป็นอย่างดี ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน ระบบเบรกหลังแบบดรัมเบรก ช่วยเพิ่มความสามารถในการเบรก นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี ABS และ EBD ในการกระจายแรงเบรกไปยังล้อและป้องกันอาการล้อล็อคขณะเบรกกระทันหัน เสริมความหนึบด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่กับคอยล์สปริง เสริมด้วยเหล็กกันโคลงหน้า และช่วงล่างด้านหลังแบบคานแข็งและชุดแหนบ

ความปลอดภัย

มาสด้า บีที-50 โปร มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด นอกจากระบบเบรก EBD และ ABS แล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่จะช่วยควบคุมรถในทุกสถานการณ์ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ปกป้องผู้ขับขี่จากการชนทุกรูปแบบ คานเหล็กนิรภัยด้านข้างปกป้องคนขับในกรณีเกิดการชนจากด้านข้าง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวและเซนเซอร์แจ้งเตือนขณะจอดช่วยป้องกันการชน นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัยบริเวณที่นั่งด้านหน้าและด้านข้างคนขับ ช่วยลดแรงกระแทกกรณีเกิดการชน

ข้อดี

มาพร้อมคุณสมบัติรถออฟโรดขนานแท้
การออกแบบมีระดับ
อัตราการบริโภคน้ำมันที่น่าพอใจ

ข้อเสีย

บริเวณวางขาของผู้โดยสารเบาะหลังมีจำกัด
คู่แข่งนำเสนอตัวเลือกในระดับเดียวกันที่น่าสนใจ