ยอดขายรถยนต์ไทยในเดือนสิงหาคม 2015- โตโยต้ารั้งอยู่ในตำแหน่งผู้นำ

BANGKOK: หลังจากที่ได้เปิดเผยยอดขายยรถยนต์ในเดือนสิงหาคมในประเทศไทยพบว่าลดลงกว่า 9.9% คือมียอดขาย 61,991 คัน ซึ่งก็ทำให้ทราบว่าสถานการณ์ในตลาดรถยนต์ไทยนั้นยังไม่ฟื้นตัวทำให้ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มต่างๆ ตกลง ยกกเว้นรถเพื่อการพาณิชย์ส่วนที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนสิงหาคม ส่วนรถโดยสาร และรถกระบะหนึ่งตันก็มียอดขายลดลง 24% และ 0.3% ตามลำดับ ตัวเลขดังกล่าวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในประเทศซึ่งเกิ่ดจากผู้ใช้นิยมรถที่เน้นการใช้สอยมากกวารถหรู

ยอดขายรถยนต์ไทยในเดือนสิงหาคม

ตลาดจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มรถโดยสาร, รถเพื่อการพาณิชย์ และกระบะหนึ่งตันซึ่งส่วนต่างๆก็ต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลงยกเว้นกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้น 0.9% โดยขายได้ 39,201 คัน กลุ่มรถโดยสารขายได้เพียง 22,790 คันทำให้มียอดขายลดลง 24% ส่วนรถกระบะหนึ่งตันก็มียอดขายลดลง 0.3% โดยขายได้ 31,746 คัน

สถานการณ์ของกลุ่มรถโดยสาร

ตลาดรถสำหรับโดยสารไม่สามารถรักษายอดขายในประเทศไว้โดยขายได้เพียง 22,790 คันซึ่
ลดลง 24% ถือว่ามีแนวโน้มลดลงเหมือนเดือนที่ผ่านมา และคาดว่ายังจะลดลงต่อไปอีกเนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจในอดีต แต่ถึงแม้จะมีการชะลอตัวของตลาดแต่โตโยต้าก็มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งถึง 7,858 คัน ส่วนฮอนด้าอยู่ที่ตำแหน่งที่สองคือมียอดขาย 5,388 คัน และมาสด้าเป็นที่สามด้วยจำนวน 2,472 คัน โดยสรุปโตโยต้ามียอดขายลดลง 33.7% ,ฮอนด้าลดลง 35.8% และในตำแหน่งที่สามอย่างมาสด้ามียอดขายเพิ่มขึ้น 63.5% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า

อ่าน ยัง: เศรษฐกิจทำพิษ โตโยต้า ยอดขายร่วง

สถานการณ์ของกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์

ในตลาดรถกลุ่มนี้โตโยต้าก็มียอดขายนำเป็นอันดับหนึ่งด้วยยอด 13,696 คันซึ่งเพิ่มขึ้น 3.9% ส่วนอีซูซุอยู่ในอันดับที่สองด้วยยอดขาย 11,057 หน่วยลดลงจากเดิม 10.8% อันดับถัดมาคือมิตซูบิชิที่มียอดขาย 2,951 คัน โดยรวมตลาดรถกลุ่มนี้มีการเติบโต 0.9% ในเดือนสิงหาคม

ยังอ่าน: โตโยต้าประเมินยอดขายรถยนต์ไทยกลับสู่ล้านคันใน 3 ปี

สำหรับภาพรวมของตลาดรถยนต์พบว่าโตโยต้ามียอดขายเป็นอันดับหนึ่งโดยมียอดขาย 21,544 คันนับเป็น 34.8% จากส่วนแบ่งการตลาดรวม อันดับที่สองเป็นผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเช่นกันคืออีซูซุด้วยจำนวนยอดขาย 11,057 คัน และฮอนด้าได้อันดับที่สามที่มียอดขาย 8,101 คันโดยสามารถได้ส่วนแบ่งการตลาดรวม 13.1%