ค่ายรถเครียด ยอดขายเดือน ก.ย. ร่วงอีก 10.5%

BANGKOK: ตลาดรถยนต์ในประเทศเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง เมื่อยอดขายรถยนต์ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมาลดลงถึง 10.5 เปอร์เซ็นต์ มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 61,869 คัน เป็นผลจากยอดขายที่ลดลงในทุกเซกเมนต์ ยกเว้นในกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 1.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กลุ่มรถยนต์นั่งยอดขายลดลงถึง 25.5 เปอร์เซ็นต์

ยังอ่าน: โตโยต้าประเมินยอดขายรถยนต์ไทยกลับสู่ล้านคันใน 3 ปี

สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ต้องการจับจ่ายใช้สอยและใช้เงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โดยอ้อม เป็นสิ่งที่ค่ายรถยนต์ต่างกังวลใจ เนื่องจากผู้บริโภคมีความสนใจในการจับจ่ายสินค้าเพื่อความบันเทิงลดลง ต่างพยายามลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในชีวิตประจำวันเท่านั้น

เมื่อพูดถึงตัวเลขยอดขายซึ่งไม่เป็นไปตามที่ค่ายรถยนต์ต่างคาดหวังไว้ พบว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศเมื่อเดือนกันยายนอยู่ที่ 61,869 คัน ลดลง 10.5 เปอร์เซ็นต์ โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างโตโยต้า มียอดขายอันดับ 1 อยู่ที่ 22,595 คัน ลดลง 6.1 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 ตกเป็นของอีซูซุ มียอดขายอยู่ที่ 10,642 คัน ลดลง 11.7 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยฮอนด้า ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 8,221 คัน ลดลง 18.4 เปอร์เซ็นต์

ยังอ่าน: เศรษฐกิจทำพิษ โตโยต้า ยอดขายร่วง

เฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่ง ยอดขายรวมลดลง 25.5 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 22,581 คัน โดยโตโยต้ายังคงเป็นผู้นำ มียอดขายอยู่ที่ 8,260 คัน ลดลง 24.8 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยฮอนด้า ซึ่งมียอดขายที่ 5,367 คัน ลดลง 45.4 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 3 เป็นของมาสด้า ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 2,518 คัน ลดลง 54.2 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน รถยนต์เพื่อการพาณิชย์กลับมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น สวนทางกับยอดขายรถยนต์ในกลุ่มอื่นๆ โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยอดขายเพิ่มขึ้น 1.2 เปอร์เซ็นต์ หรืออยู่ที่ 39,288 คัน โดยโตโยต้าครองอันดับ 1 ด้วยยอดขายทั้งหมด 14,335 คัน ตามมาด้วยอีซูซุ ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 10,642 คัน สำหรับค่ายรถยนต์สัญชาติญีปุ่นอีกค่ายอย่าง ฮอนด้า มียอดขายอยู่ที่ 2,854 คัน

สำหรับการเติบโตของยอดขายยังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศยังไม่คงที่นัก ค่ายรถยนต์อาจต้องสร้างกลยุทธ์ส่งเสริมการขายใหม่ๆ ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ได้ระดับหนึ่ง