Budd-e Concept จาก Volkswagen: เปิดตัวอนาคตของเทคโนโลยีด้านยานยนต์
BANGKOK: Volkswagen ได้เปิดตัวคอนเซปตรถคันใหม่ในงาน Consumer Electronics Show 2016 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของเทคโนโลยีด้านยานยนต์ มีแนวโน้มว่ารถที่เป็นผู้สืบทอดรถบัสไฟฟ้าที่โด่งดังจะออกจากโชว์รูมในปีพ.ศ. 2562 รถดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจะเปิดตัวต่อโลกเมื่อถึงตอนนั้นได้หรือไม่ แต่สิ่งที่เรามั่นใจก็คือ เมื่อขั้นตอนการผลิตเสร็จสมบูรณ์ รถคันนี้จะกลายเป็นยอดยานพาหนะที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง เราพูดไว้ว่ารถคันนี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีในโลก ดังนั้นเราจะเจาะลึกลงไปเพื่อศึกษาว่าในคอนเซปนี้มีอะไรบ้าง
แพลตฟอร์มแบบใหม่ทั้งหมด
รถคันใหม่นี้จะใช้แพลตฟอร์ม Modular Electric Platform ที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดย Volkswagen ซึ่งจะถูกใช้เพื่อเป็นฐานให้กับรถพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะผลิตในอนาคต รถคันนี้เป็นรถบัสขนาดเล็กซึ่งทำงานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมดโดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าไร้แปรงถ่านสองตัวด้วยกัน ซึ่งมอเตอร์ตัวแรกนั้นจะติดตั้งที่ด้านหน้าในขณะที่ตัวที่สองถูกติดตั้งไว้ด้านหลัง ในกรณีที่แพลตฟอร์มนี้ไม่สามารถนำมาใช้ในขั้นสุดท้ายของการผลิตได้ มันก็จะถูกนำไปใช้กับรถใหม่ในอนาคตแทน
ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 101 กิกะวัตต์ รถมินิแวนคันนี้สามารถเดินทางได้ไกล 373 ไมล์ด้วยความเร็ว 93 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้รถมินิแวนคันนี้มาพร้อมกลไกชาร์จพลังงานแบบไร้สายซึ่งสามารถชาร์จพลังได้มากถึง 80% ของพลังงานทั้งหมดในเวลาเพียง 15 นาที
เทคโนโลยีสุดล้ำยุค
ภายในรถคุณจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไป นั่นก็เพราะทางค่ายได้เอาปุ่มและสวิตช์ออก ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ด้วยคำสั่งท่าทางหรือเสียง ในคอนเซปนั้นประกอบด้วยคำสั่งเสียงแบบพิเศษที่ทำให้ผู้ขับสามารถสตาร์ทเครื่องได้ด้วยการพูดว่า “Hello Budd-e” หรือ “turn up the heat” และระบบนี้สามารถระบุเสียงต้นแบบได้อีกด้วย ทำให้ทั้งระบบทำงานได้อย่างสอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารสามารถออกคำสั่งให้ปรับอุณหภูมิ รถก็จะปรับแค่ระบบที่เกี่ยวกับอุณหภูมิเท่านั้น
คอนโซลหน้ามาพร้อมหน้าจอสามจอด้วยกัน ซึ่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถควบคุมคุณสมบัติที่มีอยู่ด้วยท่าทาง คอนโซลนี้ถูกเรียกว่า “Active Info Display” ซึ่งประกอบด้วยหน้าจอสามจอที่มีบทบาทสำคัญ ทั้งสามส่วนประกอบด้วย Drive, Control และ Consume ในส่วนของ “Drive” จะทำหน้าที่แสดงแผนที่แบบสามมิติบนจอเพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นเส้นทางที่จะไป ส่วน “Control” จะเป็นหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วที่อยู่ด้านหน้าผู้ขับขี่ ซึ่งจะแสดงรายละเอียดสำคัญของรถ เช่น สถานะของรถ เชื้อเพลิง หรือข้อมูลการเดินทาง ส่วนต่อไปคือ “Consume” ซึ่งเป็นหน้าจอสำหรับความบันเทิง ด้วยจอขนาด 13.3นิ้วที่จะทำงานพร้อมกับระบบ Active Info Display ด้วยการเชื่อมต่อความบันเทิงหน้าเข้าเข้ากับผู้ขับขี่
รถคันนี้ไม่มีกระจกมองหลัง แต่เป็น “e-Mirror” แทน ซึ่งจะแสดงภาพจากด้านของรถลงบนจอที่อยู่ในรถนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีระบบ “Reminder” สุดฉลาดที่จะช่วยคุณเตือนความจำในกรณีพิเศษ ตัวอย่างเช่น ถ้าพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก ระบบจะเตือนให้คุณพกร่มไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นระบบสามารถสัมผัสได้ว่าในรถมีอะไรบ้าง ซึ่งระบบจะทำหน้าที่เตือนคุณตอนลงจากรถ
ระบบความบันเทิงที่มีในรถได้นำเทคโนโลยีไปสู่อีกระดับด้วยการเชื่อมต่อโลกภายนอกเข้ากับรถ ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงข้อมูลคำสั่งในบ้าน เช่น เปิดปิดไฟ ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือดูว่าในตู้เย็นมีอะไรบ้าง เพื่อให้สิ่งนี้เป็นไปได้ ทางค่ายจึงต้องทำงานร่วมกับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง LG เพื่อสร้างซอฟท์แวร์หรือเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการใช้งาน
You might also be interested in
- ข่าว
ฟีเจอร์ รถ
- ล่าสุด
- ล่าสุด
- เป็นที่นิยม